รูปแบบของการจัด Event ในปัจจุบันถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีรูปแบบ VR ออกมา ซึ่งตอนแรกหลาย ๆ คนก็คาดว่าสิ่งนี้จะค่อย ๆ เป็นที่นิยมในช่วง 3 – 5 ปีให้หลัง แต่กลับกลายเป็นว่าสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ทุกคนต้องเก็บตัวและรักษาระยะห่างจากสังคมไป จนทำให้การจัด Event ในยุคหลังจากนี้ถูกย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยในช่วงแรก ๆ ก็เป็นเพียงการจำลองฉากและถ่ายทอดสดงาน ผ่านโปรแกรมหรือแพลทฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook หรือ Youtube แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มีการเพิ่มความสมจริงให้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยี VR หรือ Virtual Reality ที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความรู้สึกของการเจ้าร่วม Event แบบ 360 องศา ได้เห็นมุมมองหรือบรรยากาศรอบตัวเหมือนได้เข้าไปอยู่ภายในงานจริง ๆ
นอกจากนั้นทางผู้จัดงานเองก็ยังสามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับงานด้วยเทคเนคนิค Special Effect หรือ 3D Motion ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและความอลังการเข้าไปอีกระดับ จนกลับกลายเป็นว่าบางงานที่จัดในรูปแบบของ VR นั้นมีความตื่นตาตื่นใจมากกว่างานที่จัดแบบออฟไลน์เสียด้วยซ้ำ
อีกหนึ่งข้อดีที่โดดเด่นของ VR Event คือเมื่อทุกคนไม่ต้องเดินทางไปสถานที่จัดงานจริง ทำให้สามารถเข้างานได้อย่างตรงเวลาและสะดวกสบายมากขึ้น และทีมผู้จัดเองก็ยังได้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการจัดงาน สถานที่ และการรับรองแขกผู้เข้าร่วมงานลงไปอีกด้วย
แต่ก็ตามมาด้วยข้อเสียเล็กน้อย เพราะถ้างานนั้นต้องการนำเสนอผลงานที่จับต้องได้ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม หรือเครื่องนอน ผู้เข้าร่วมงานผ่านทาง VR Event ก็จะไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้สินค้าเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้อาจจะเสียอรรถรสไปได้บ้าง แต่ก็อาจจะทดแทนได้ด้วยการส่งสินค้าตัวอย่างไปให้ผู้เข้าร่วมงานย้อนหลังนั่นเอง
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ปัจจุบันการจัดงานในรูปแบบ VR Event กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงและน่าจับตามอง และแน่นอนว่าเทคโนโลยีการจัดงานรูปแบบออนไลน์เช่นนี้ก็คงจะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในโลกยุค New Normal ได้อย่างลงตัวที่สุด